ในยุคที่การติดต่อสื่อสารข้ามแดนง่ายดายอย่างในยุคนี้ สาวไทยจำนวนไม่น้อยที่นิยมคบหาดูใจกับชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชาวต่างชาติทางแถบยุโรป ซึ่งสาวๆ หลายคนการันตีความ "งานดี" อีกทั้งวัฒนธรรมที่อาจจะเข้ากับสไตล์ของสาวยุคใหม่ทำให้รู้สึกสบายใจที่จะอยู่ด้วย แต่เมื่อความสัมพันธ์เติบโตมาจนถึงขั้นวางแผนแต่งงานกันเป็นเรื่องเป็นราว สาวๆ หลายคนอาจจะต้องกลับมากุมขมับ เพราะเจอกับปัญหาก้อนใหญ่นั่นก็คือ "สินสอด" นั่นเอง
เรื่องปวดเฮด...เมื่อแฟนต่างชาติไม่เก็ทเรื่อง “ค่าสินสอด”
ในยุคที่การติดต่อสื่อสารข้ามแดนง่ายดายอย่างในยุคนี้ สาวไทยจำนวนไม่น้อยที่นิยมคบหาดูใจกับชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชาวต่างชาติทางแถบยุโรป ซึ่งสาวๆ หลายคนการันตีความ "งานดี" อีกทั้งวัฒนธรรมที่อาจจะเข้ากับสไตล์ของสาวยุคใหม่ทำให้รู้สึกสบายใจที่จะอยู่ด้วย แต่เมื่อความสัมพันธ์เติบโตมาจนถึงขั้นวางแผนแต่งงานกันเป็นเรื่องเป็นราว สาวๆ หลายคนอาจจะต้องกลับมากุมขมับ เพราะเจอกับปัญหาก้อนใหญ่นั่นก็คือ "สินสอด" นั่นเอง
ลองคุยกับว่าที่เจ้าบ่าวให้เขารู้ตัว
อธิบายให้เขารู้จุดประสงค์ของสินสอด
1. เหตุผลเรื่องความกตัญญู
สังคมไทย ลูกสาวอาจต้องหาเลี้ยงพ่อแม่ เป็นการแสดงความกตัญญูอย่างหนึ่ง เพราะผู้สูงอายุในประเทศไทยไม่มีค่าบำเหน็จบำนานที่ดีพอเหมือนในหลายๆ ประเทศ การให้สินสอด ก็เป็นเหมือนการช่วยเหลือชดเชยในจุดนี้
2. หลักประกันแบบไทยสไตล์
สินสอดอาจเป็นหลักประกันที่พ่อแม่เก็บไว้ให้ลูกสาว หากต้องมีการหย่าร้างในภายหลัง เนื่องจากค่านิยมในสังคมไทยนับตั้งแต่โบราณ ผู้หญิงที่แต่งงานมีลูกแล้ว อาจจะหาคู่ชีวิตใหม่ได้ยาก
3. ของขวัญแทนคำขอบคุณ
สินสอดใช้แทนคำขอบคุณ เป็น "ค่านมแม่" ในกรณีที่บ้านฝ่ายหญิงไม่ได้ร่ำรวยมากนัก ผู้ใหญ่อาจขอค่าสินสอดเป็นค่าลงทุนเลี้ยงดูลูกสาว ซึ่งพ่อแม่จะเป็นฝ่ายเก็บไว้ แต่ก็มีหลายครอบครัว ที่พ่อแม่คืนค่าสินสอดให้บ่าวสาวเพื่อเป็นต้นทุนในการสร้างครอบครัว ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้ใหญ่
การค่อยๆ อธิบายถึงเหตุผลของประเพณีเรียกค่าสินสอด อาจช่วยให้แฟนหนุ่มของคุณเข้าใจได้มากขึ้นก็ได้นะคะ แต่ถ้าอธิบายจนปากเปียกปากแฉะแล้ว แฟนหนุ่มของคุณยังไม่เข้าใจ หรือคุณมีอุปสรรคด้านภาษาที่ไม่สามารถอธิบายทุกอย่างให้แฟนชาวต่างชาติเข้าใจได้ ลองให้เขาเข้าไปอ่านเว็บไซต์ต่างๆ เกี่ยวกับการแต่งงานกับผู้หญิงไทยซึ่งเขียนเป็นภาษาอังกฤษ เว็บไซต์เหล่านี้ อาจเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับคุณ
ไม่ทิ้งเขาให้รับมือเพียงลำพัง
โดยส่วนมาก ปัญหาจะไม่เกิด หากแฟนหนุ่มของคุณมีเงินทองล้นเหลือ แต่ในกรณีที่แฟนของคุณก็เป็นผู้ชายธรรมดา ที่ทำงานหนัก คุณอาจตกลงกับครอบครัวของคุณ โดยอาจจะเสนอทางออกแบบพบกันครึ่งทางดังนี้
1. เก็บครึ่งคืนครึ่ง
เป็นการพบกันครึ่งทาง คือหลังจากผ่านงานแต่งงานไปแล้ว พ่อแม่เก็บสินสอดไปครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งก็ส่งคืนให้กับแฟนหนุ่มของคุณ
2. ผ่อนจ่าย
ลองคุยกับพ่อแม่ว่า แม้ว่าในงานจะไม่มีค่าสินสอดมากมายมาอวดใครๆ แต่หลังจากแต่งงานไปแล้ว แฟนหนุ่มจะช่วยค่าใช้จ่ายในบ้านเป็นงวดๆ ไปจนกว่าจะครบ หลายครอบครัวก็ยอมรับในเงื่อนไขนี้ได้เป็นอย่างดี
3. ไม่มีสินสอด แต่จัดงานแบบเต็มที่
หนุ่มๆ หลายคนอาจจะไม่เก็ทเรื่องค่าสินสอด แต่เก็ทเรื่องการจัดงานที่อลังการก็ได้ ลองยื่นข้อเสนอว่า ในงานไม่มีค่าสินสอด แต่จัดงานให้ยิ่งใหญ่ไม่อายใคร พ่อแม่ของบ่าวสาวบางคู่ก็ยินดีค่ะ
ทั้งนี้การตกลงเรื่องค่าสินสอดกับผู้ใหญ่จะได้ผลหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความคิด ทัศนคติ และค่านิยมทางสังคมของแต่ละครอบครัว อาจจะลำบากสักนิด แต่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีพิสูจน์รักได้เหมือนกันนะคะ
แต่งงานแบบสายสตรองสุดท้ายแล้ว
ก็มีสาวๆ หลายคนที่คิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ บางคนก็เลือกที่จะออกค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เองทั้งหมด หรือบางคนก็แก้ปัญหาด้วยการไม่จัดงาน แต่จดทะเบียนสมรส เดินเข้าประตูวิวาห์แบบเรียบง่าย ซึ่งวิธีนี้อาจเหมาะกับสาวมั่น หัวสมัยใหม่สักหน่อย แต่ก็มีสาวๆ หลายคนเลือกใช้วิธีนี้ และมีครอบครัวที่มีความสุขได้ค่ะ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสาวๆ จะเลือกวิธีไหนในการแก้ปัญหา Happy Wedding.Life ก็ขอเอาใจช่วยให้ทุกคนได้มีชีวิตคู่ที่ดี และมีความสุขไปนานๆ เลยนะคะ