ไม่เจริญ เพราะมีแฟน?
-----
คงสงสัย และแปลกใจไม่น้อยกับชื่อเรื่องที่บอกว่า "ไม่เจริญ เพราะมีแฟน?" บทความนี้ ก็เป็นอีกเพียงการตั้งข้อสังเกตหนึ่ง ที่ไม่ได้หมายถึงคนส่วนใหญ่ กลุ่มคนใด อาจกล่าวได้ว่า สะท้อนจากแง่มุมหนึ่งของชีวิตคนบางคนเท่านั้น ซึ่งอาจไม่ใช่คุณ แต่เชื่อว่ารอบตัวคุณอาจจะมี..
.
ส่วนหนึ่งคิดว่าถ้าคุณอยู่ในวัยที่พบเห็นอะไรมามากพอ หรือกลางคนขึ้นไป อาจนึกตามได้ง่ายกว่า หรือแม้แต่จะอายุไม่มาก (เหมือนผม ฮ่า) แต่สังเกตเรียนรู้สิ่งรอบตัว ก็อาจจะพอเห็นภาพได้เช่นกัน
.
วัยที่ "ความรัก" ทำให้มีปัญหามากที่สุด ควรจะเป็นวัยรุ่น วัยหนุ่มสาว จริงไหมครับ? เพราะมันเป็นช่วงวัยที่อะไรยังไม่ลงตัว ประกอบกับเป็นวัยที่ "เหมาะสม" จะมีคู่ และมัก "พยายาม" มีคู่ และต้องหาคู่ โดยธรรมชาติ และมันจึงเป็นช่วง "เรียนรู้" ลองถูกผิดกันอยู่ ย่อมมีปัญหามาก เป็นธรรมดา
.
ทว่า เมื่อพ้นวัยนั้นขึ้นมาโดยทั่วไป "ความรัก" จะเป็นเรื่องเรียบง่ายมากขึ้น ด้วยประสบการณ์ วัยวุฒิ ภาวะอารมณ์ต่าง ๆ ที่อาจพูดรวม ๆ ว่า "เป็นผู้ใหญ่แล้ว" ถ้าเจาะจงหน่อยก็คงอายุ 30+
.
ผมอยากลองถามให้คุณลองคิดตอบในใจว่า คนที่มีแฟนช่วงอายุ 20-30 กับคนที่มีแฟนตอนอายุ 30-40 แบบไหนน่าจะมีโอกาส "เลิกรา" ง่ายกว่ากัน? ซึ่งแน่นอนว่ามีโอกาสเลิกราทั้งสิ้นไม่ว่าอายุเท่าใด แต่ถ้าเทียบตามโอกาส อายุน้อยกว่า ก็น่าจะมีโอกาสเลิกรากันง่ายกว่าตามเหตุผลข้างต้น
.
- "การมีแฟนควรเป็นเรื่องที่ดี หรือไม่ดี?" -
.
จากที่ให้ลองคิดตาม หากอธิบายเป็นคำพูดคงได้ทำนองว่า เด็กคบกันย่อมเลิกกันง่ายกว่า ผู้ใหญ่คบกัน ทว่า ถ้าเข้าวัยผู้ใหญ่ วัยกลางคนแล้ว ยังเลิกราบ่อยเหมือนวัยรุ่น หรือเลิกราด้วยสาเหตุแบบเด็ก ๆ อยู่ล่ะ? เช่นนี้มองว่าอย่างไร?
.
ส่วนหนึ่ง ปัญหาชีวิตคู่ เป็นเรื่องของคนสองคน เขาจะเลิกกันเพราะอะไร ใครผิด/ถูก จะสรุปแทนกัน ย่อมไม่ได้ เพียงแต่ผลกระทบที่มากกว่านั้นสำหรับหลายคนคือ เมื่อชีวิตคู่มีปัญหา ย่อมส่งผลต่อชีวิตด้านอื่นด้วย... ลูก, ครอบครัว, หน้าที่การงาน, ความเป็นอยู่, เป้าหมายชีวิต..
.
วัยรุ่น หรือหนุ่มสาว อาจเป็นวัยเริ่มต้นลองผิดลองถูกดังที่กล่าวไป ไม่ใช่แค่เรื่องความรัก แต่รวมถึงเรื่องการงาน และอนาคต การยังไม่เจอสิ่งที่ใช่ย่อมเป็นปกติ และเขายังมีเวลาเลือก แต่หากเข้าสู่วัยที่ควรจะสร้างตัว หรือเริ่มสร้างรากฐานมั่นคงแล้ว เช่น 30+ แล้วยังต้องมีปัญหาชีวิตคู่ซ้ำซาก แบบนี้ การมีแฟนเป็นเรื่องที่ดี หรือไม่ดี?
.
- "...มองว่า "มีแฟนไม่ดี" แต่ก็อยากมีต่อ..."
.
ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจด้วย ผมไม่ได้สรุปว่า 30+ หรือ 40+ ห้ามมีปัญหา ห้ามเลิกรา หรือมีแฟนใหม่ (ส่วนตัวผมก็ต้องเริ่มใหม่เมื่อ 30+) แต่ในที่นี้กล่าวถึงปัญหา เรื้อรัง ซ้ำซาก ไม่ยอมจบ จบปัญหาไม่ได้ก็ไม่ยอมเลิก กว่าจะเลิกก็ลากยาว เลิกแล้วก็มีใหม่ ใหม่ ๆ ก็ย่อมดี แต่ไม่นานก็คล้ายเดิม พอเลิกอีก ชีวิตก็ต้องเริ่มใหม่ ไม่มากก็น้อย แล้วก็เปลกที่เขาจะแสดงท่าทีว่า "ได้แฟนไม่ดี" หรือ "มีแฟนกี่คนก็ไม่ดี" แต่ก็ยังคงมุ่งหน้า "จะมีแฟนใหม่..."
.
ไม่ใช่ทุกคนเป็นเช่นนี้ แต่สำหรับคนที่วนเวียนแบบนี้ หากถามว่าเป็นเพราะอะไร? ว่ากันลงลึกก็คือ อาจเพราะปมภายใต้จิตใจบางประการ ที่มันไม่อาจเข้าใจตัวเองได้ง่ายหรือทันที แต่หากตอบเช่นนี้ไป ก็ยากจะเข้าใจ ที่จริงทางที่ง่ายกว่า คือ ทบทวนตัวเองว่า "เรามองหา หรือกำลังดิ้นรนกับอะไร?"
.
เราล้วนมักอยากมีแฟนมาเป็น "คู่ชีวิต" ที่ให้ชีวิตมีอีกคนมาเติมเต็ม, ส่งเสริม, ประคับประคอง พากันก้าวหน้า ช่วยกันในหลาย ๆ ด้าน เพราะคงไม่มีใครอยากมีแฟนมาเป็นตัวถ่วง มาทำให้ระแวง มาทำให้เป็นทุกข์ มาให้ต้องแก้ปัญหา หรือบางทีเราต้องการมีแฟนมาเพื่อชดเชยอะไร? การมีแฟนเพื่ออวด เพื่อเป็นเครื่องประดับ ควงแขน ไปไหนมาไหนด้วยกัน ถ้าเหตุผลประมาณนี้มันก็ดูสำหรับเด็ก ๆ เหมือนคนไม่เคยมีแฟนแล้วเพิ่งอยากมี ถ้าไม่เคยมีจริง ๆ ไม่เสียหายก็ลองมีไป แต่ส่วนใหญ่ในกรณีนี้ล้วนเคยมีมาแล้ว..
.
- "...เพื่อสุขใจ หรือสุขกาย แล้วถ้าไม่ได้อะไรเลย?.." -
.
บางคนอาจบอกว่าเป็นความสุขทางใจ บางคนก็ความต้องการทางกาย (ที่ไม่มีใครบอกตัวเองตรง ๆ) ก็ธรรมชาติหนึ่งของมนุษย์และมันไม่ผิด แต่หากมีมาแล้วมันไม่ได้สุขตามนั้นจริง ใจก็ไม่สุข กายก็ไม่สุขจริง ได้แค่ชั่วคราว หรือได้สุขทางกามารมณ์ แต่ทุกข์กายลำบากในชีวิตเป็นอยู่ แบบนี้ก็ดูไม่น่าจะคุ้ม ยิ่งได้สนองเพียงแค่นั้นแล้วใจทุกข์ ยิ่งไม่น่าจะเรียกสุขไปกันใหญ่ จะมุมไหนก็ตาม คงต้องถามตัวเองแล้วตอบให้ได้
.
- "ไม่มีใครเก่งทุกอย่าง หรือได้ทุกอย่างในชีวิต" -
.
ย้ำอีกครั้งว่าเรื่องนี้ไม่ใช่สำหรับทุกคน สำหรับแค่บางคน ที่เราน่าจะรู้สึกได้เสียทีว่า "มีแฟนไปทำไม?" เราอาจไม่เก่งด้านการดูคนให้ออกก็ได้ ไม่เก่งในการปรับตัวหาใครก็ได้เช่นกัน ไม่มีใครเก่งทุกเรื่อง และไม่มีใครได้ทุกอย่างในชีวิต
.
ที่สำคัญประการหนึ่ง บางทีปัญหาการมีแฟน อาจไม่ใช่จากคนที่มาเป็นแฟน แต่เป็นตัวเองที่ไม่เคยพอใจ ไม่รู้จักพอ ไม่เคยเข้าใจความต้องการแท้จริง หรือมัวแต่ใฝ่หาความสมบูรณ์แบบ ชีวิตจึงเสียเวลา เสียทั้งอนาคตเพราะคิดแต่ว่า "อยากมีแฟนที่ดี" แต่ไม่เลิกราเมื่อที่ได้มาเจอแต่ไม่ดี! รวมทั้งประเภทที่ต่อให้พระเอกนางเอกที่ไหน ก็ไม่ดีพอ ก็ไม่ต่างกัน..
.
มีหลายคนมากมายที่ก็อยู่จนตายโดยสุดท้ายไม่มีแฟน หรือมีคู่ ก็เหมือนกับทุกคนไม่ใช่ว่าจะมีรถยนต์ ขับรถเป็น กระทั่งว่ายน้ำเป็นกันทุกคน มีคนมากมายที่ไม่ได้มีสิ่งเหล่านี้ และไม่ใช่ตัวชี้วัดว่าชีวิตเขาดี มีความสุข ความสำเร็จ แถมยังไมีคนโสดมากมาย ที่ชีวิตเจริญก้าวหน้า ได้ใช้ชีวิตมีความสุขกับตัวเองในหลาย ๆ ด้าน โดยไม่ต้องพึ่งแฟน หรือถึงเวลานั้น ตัวเลือกมาเองมากมาย..
.
หลายคนอยู่ในภาวะโสดกระทั่งกำลังจะโสด แต่มีลูกที่ควรใส่ใจ มีหน้าที่การงานที่ยังไม่มั่นคง มีภาระที่ต้องรับผิดชอบดูแล ต่าง ๆ กันไป ยังมีอีกหลายด้านของชีวิตที่ต่างก็สำคัญต่อเขา โดยเฉพาะเมื่อมันไม่ก้าวหน้าพัฒนามาหลายปี หรือจะคิดหวังเอาแบบว่า จะมีแฟนเป็นนางฟ้า เทวดา บันดาลให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปดีขึ้นได้ โดยที่ตัวเองไม่ต้องทำอะไร มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ มุมเช่นนี้เป็นเหตุผลว่าทำไมอยากแต่ มีแฟน จึงไม่เจริญ
.
เรื่องนี้ผมไม่ได้บอกว่าเกิดกับทุกคน และต้องคิดอย่างไร ทำอย่างไร หรือไม่ได้บอกว่าใครไม่สมควรมีแฟน แค่บางทีเราน่าจะทบทวนใน "ผลลัพธ์" อย่างหนึ่งว่า มันคุ้มค่าต่อเวลาของชีวิตเราไหม อย่างน้อย "พักก่อน" ดีไหม มุ่งหน้าหาเป้าหมายอื่นให้ชีวิตสักพักดู เพราะจะว่าไปอายุเท่าไหร่ก็ยังมีแฟนได้ ถ้าอยากจะมี แต่ถ้าดันทุรังต้องมีให้ได้ บางทีชีวิตอาจไม่ได้เจริญอะไรขึ้นสักด้านเลย เพราะเหมือนวนเวียนอยู่กับปัญหาเดียว...
.
และบางทีเราเอามัวแต่ "วิ่งหาสิ่งที่ไม่ใช่" จนสิ่งดี ๆ หรือ "สิ่งที่ใช่ วิ่งตามเราไม่ทัน" มันก็เป็นได้...
.
ปล. ลงท้ายเอาไปเป็นคำคมได้เลยเหมือนนะเนี่ย
เครดิตแหล่งข้อมูล : FB Sirichaiwatt
คงสงสัย และแปลกใจไม่น้อยกับชื่อเรื่องที่บอกว่า "ไม่เจริญ เพราะมีแฟน?" บทความนี้ ก็เป็นอีกเพียงการตั้งข้อสังเกตหนึ่ง ที่ไม่ได้หมายถึงคนส่วนใหญ่ กลุ่มคนใด อาจกล่าวได้ว่า สะท้อนจากแง่มุมหนึ่งของชีวิตคนบางคนเท่านั้น ซึ่งอาจไม่ใช่คุณ แต่เชื่อว่ารอบตัวคุณอาจจะมี..
.
ส่วนหนึ่งคิดว่าถ้าคุณอยู่ในวัยที่พบเห็นอะไรมามากพอ หรือกลางคนขึ้นไป อาจนึกตามได้ง่ายกว่า หรือแม้แต่จะอายุไม่มาก (เหมือนผม ฮ่า) แต่สังเกตเรียนรู้สิ่งรอบตัว ก็อาจจะพอเห็นภาพได้เช่นกัน
.
วัยที่ "ความรัก" ทำให้มีปัญหามากที่สุด ควรจะเป็นวัยรุ่น วัยหนุ่มสาว จริงไหมครับ? เพราะมันเป็นช่วงวัยที่อะไรยังไม่ลงตัว ประกอบกับเป็นวัยที่ "เหมาะสม" จะมีคู่ และมัก "พยายาม" มีคู่ และต้องหาคู่ โดยธรรมชาติ และมันจึงเป็นช่วง "เรียนรู้" ลองถูกผิดกันอยู่ ย่อมมีปัญหามาก เป็นธรรมดา
.
ทว่า เมื่อพ้นวัยนั้นขึ้นมาโดยทั่วไป "ความรัก" จะเป็นเรื่องเรียบง่ายมากขึ้น ด้วยประสบการณ์ วัยวุฒิ ภาวะอารมณ์ต่าง ๆ ที่อาจพูดรวม ๆ ว่า "เป็นผู้ใหญ่แล้ว" ถ้าเจาะจงหน่อยก็คงอายุ 30+
.
ผมอยากลองถามให้คุณลองคิดตอบในใจว่า คนที่มีแฟนช่วงอายุ 20-30 กับคนที่มีแฟนตอนอายุ 30-40 แบบไหนน่าจะมีโอกาส "เลิกรา" ง่ายกว่ากัน? ซึ่งแน่นอนว่ามีโอกาสเลิกราทั้งสิ้นไม่ว่าอายุเท่าใด แต่ถ้าเทียบตามโอกาส อายุน้อยกว่า ก็น่าจะมีโอกาสเลิกรากันง่ายกว่าตามเหตุผลข้างต้น
.
- "การมีแฟนควรเป็นเรื่องที่ดี หรือไม่ดี?" -
.
จากที่ให้ลองคิดตาม หากอธิบายเป็นคำพูดคงได้ทำนองว่า เด็กคบกันย่อมเลิกกันง่ายกว่า ผู้ใหญ่คบกัน ทว่า ถ้าเข้าวัยผู้ใหญ่ วัยกลางคนแล้ว ยังเลิกราบ่อยเหมือนวัยรุ่น หรือเลิกราด้วยสาเหตุแบบเด็ก ๆ อยู่ล่ะ? เช่นนี้มองว่าอย่างไร?
.
ส่วนหนึ่ง ปัญหาชีวิตคู่ เป็นเรื่องของคนสองคน เขาจะเลิกกันเพราะอะไร ใครผิด/ถูก จะสรุปแทนกัน ย่อมไม่ได้ เพียงแต่ผลกระทบที่มากกว่านั้นสำหรับหลายคนคือ เมื่อชีวิตคู่มีปัญหา ย่อมส่งผลต่อชีวิตด้านอื่นด้วย... ลูก, ครอบครัว, หน้าที่การงาน, ความเป็นอยู่, เป้าหมายชีวิต..
.
วัยรุ่น หรือหนุ่มสาว อาจเป็นวัยเริ่มต้นลองผิดลองถูกดังที่กล่าวไป ไม่ใช่แค่เรื่องความรัก แต่รวมถึงเรื่องการงาน และอนาคต การยังไม่เจอสิ่งที่ใช่ย่อมเป็นปกติ และเขายังมีเวลาเลือก แต่หากเข้าสู่วัยที่ควรจะสร้างตัว หรือเริ่มสร้างรากฐานมั่นคงแล้ว เช่น 30+ แล้วยังต้องมีปัญหาชีวิตคู่ซ้ำซาก แบบนี้ การมีแฟนเป็นเรื่องที่ดี หรือไม่ดี?
.
- "...มองว่า "มีแฟนไม่ดี" แต่ก็อยากมีต่อ..."
.
ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจด้วย ผมไม่ได้สรุปว่า 30+ หรือ 40+ ห้ามมีปัญหา ห้ามเลิกรา หรือมีแฟนใหม่ (ส่วนตัวผมก็ต้องเริ่มใหม่เมื่อ 30+) แต่ในที่นี้กล่าวถึงปัญหา เรื้อรัง ซ้ำซาก ไม่ยอมจบ จบปัญหาไม่ได้ก็ไม่ยอมเลิก กว่าจะเลิกก็ลากยาว เลิกแล้วก็มีใหม่ ใหม่ ๆ ก็ย่อมดี แต่ไม่นานก็คล้ายเดิม พอเลิกอีก ชีวิตก็ต้องเริ่มใหม่ ไม่มากก็น้อย แล้วก็เปลกที่เขาจะแสดงท่าทีว่า "ได้แฟนไม่ดี" หรือ "มีแฟนกี่คนก็ไม่ดี" แต่ก็ยังคงมุ่งหน้า "จะมีแฟนใหม่..."
.
ไม่ใช่ทุกคนเป็นเช่นนี้ แต่สำหรับคนที่วนเวียนแบบนี้ หากถามว่าเป็นเพราะอะไร? ว่ากันลงลึกก็คือ อาจเพราะปมภายใต้จิตใจบางประการ ที่มันไม่อาจเข้าใจตัวเองได้ง่ายหรือทันที แต่หากตอบเช่นนี้ไป ก็ยากจะเข้าใจ ที่จริงทางที่ง่ายกว่า คือ ทบทวนตัวเองว่า "เรามองหา หรือกำลังดิ้นรนกับอะไร?"
.
เราล้วนมักอยากมีแฟนมาเป็น "คู่ชีวิต" ที่ให้ชีวิตมีอีกคนมาเติมเต็ม, ส่งเสริม, ประคับประคอง พากันก้าวหน้า ช่วยกันในหลาย ๆ ด้าน เพราะคงไม่มีใครอยากมีแฟนมาเป็นตัวถ่วง มาทำให้ระแวง มาทำให้เป็นทุกข์ มาให้ต้องแก้ปัญหา หรือบางทีเราต้องการมีแฟนมาเพื่อชดเชยอะไร? การมีแฟนเพื่ออวด เพื่อเป็นเครื่องประดับ ควงแขน ไปไหนมาไหนด้วยกัน ถ้าเหตุผลประมาณนี้มันก็ดูสำหรับเด็ก ๆ เหมือนคนไม่เคยมีแฟนแล้วเพิ่งอยากมี ถ้าไม่เคยมีจริง ๆ ไม่เสียหายก็ลองมีไป แต่ส่วนใหญ่ในกรณีนี้ล้วนเคยมีมาแล้ว..
.
- "...เพื่อสุขใจ หรือสุขกาย แล้วถ้าไม่ได้อะไรเลย?.." -
.
บางคนอาจบอกว่าเป็นความสุขทางใจ บางคนก็ความต้องการทางกาย (ที่ไม่มีใครบอกตัวเองตรง ๆ) ก็ธรรมชาติหนึ่งของมนุษย์และมันไม่ผิด แต่หากมีมาแล้วมันไม่ได้สุขตามนั้นจริง ใจก็ไม่สุข กายก็ไม่สุขจริง ได้แค่ชั่วคราว หรือได้สุขทางกามารมณ์ แต่ทุกข์กายลำบากในชีวิตเป็นอยู่ แบบนี้ก็ดูไม่น่าจะคุ้ม ยิ่งได้สนองเพียงแค่นั้นแล้วใจทุกข์ ยิ่งไม่น่าจะเรียกสุขไปกันใหญ่ จะมุมไหนก็ตาม คงต้องถามตัวเองแล้วตอบให้ได้
.
- "ไม่มีใครเก่งทุกอย่าง หรือได้ทุกอย่างในชีวิต" -
.
ย้ำอีกครั้งว่าเรื่องนี้ไม่ใช่สำหรับทุกคน สำหรับแค่บางคน ที่เราน่าจะรู้สึกได้เสียทีว่า "มีแฟนไปทำไม?" เราอาจไม่เก่งด้านการดูคนให้ออกก็ได้ ไม่เก่งในการปรับตัวหาใครก็ได้เช่นกัน ไม่มีใครเก่งทุกเรื่อง และไม่มีใครได้ทุกอย่างในชีวิต
.
ที่สำคัญประการหนึ่ง บางทีปัญหาการมีแฟน อาจไม่ใช่จากคนที่มาเป็นแฟน แต่เป็นตัวเองที่ไม่เคยพอใจ ไม่รู้จักพอ ไม่เคยเข้าใจความต้องการแท้จริง หรือมัวแต่ใฝ่หาความสมบูรณ์แบบ ชีวิตจึงเสียเวลา เสียทั้งอนาคตเพราะคิดแต่ว่า "อยากมีแฟนที่ดี" แต่ไม่เลิกราเมื่อที่ได้มาเจอแต่ไม่ดี! รวมทั้งประเภทที่ต่อให้พระเอกนางเอกที่ไหน ก็ไม่ดีพอ ก็ไม่ต่างกัน..
.
มีหลายคนมากมายที่ก็อยู่จนตายโดยสุดท้ายไม่มีแฟน หรือมีคู่ ก็เหมือนกับทุกคนไม่ใช่ว่าจะมีรถยนต์ ขับรถเป็น กระทั่งว่ายน้ำเป็นกันทุกคน มีคนมากมายที่ไม่ได้มีสิ่งเหล่านี้ และไม่ใช่ตัวชี้วัดว่าชีวิตเขาดี มีความสุข ความสำเร็จ แถมยังไมีคนโสดมากมาย ที่ชีวิตเจริญก้าวหน้า ได้ใช้ชีวิตมีความสุขกับตัวเองในหลาย ๆ ด้าน โดยไม่ต้องพึ่งแฟน หรือถึงเวลานั้น ตัวเลือกมาเองมากมาย..
.
หลายคนอยู่ในภาวะโสดกระทั่งกำลังจะโสด แต่มีลูกที่ควรใส่ใจ มีหน้าที่การงานที่ยังไม่มั่นคง มีภาระที่ต้องรับผิดชอบดูแล ต่าง ๆ กันไป ยังมีอีกหลายด้านของชีวิตที่ต่างก็สำคัญต่อเขา โดยเฉพาะเมื่อมันไม่ก้าวหน้าพัฒนามาหลายปี หรือจะคิดหวังเอาแบบว่า จะมีแฟนเป็นนางฟ้า เทวดา บันดาลให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปดีขึ้นได้ โดยที่ตัวเองไม่ต้องทำอะไร มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ มุมเช่นนี้เป็นเหตุผลว่าทำไมอยากแต่ มีแฟน จึงไม่เจริญ
.
เรื่องนี้ผมไม่ได้บอกว่าเกิดกับทุกคน และต้องคิดอย่างไร ทำอย่างไร หรือไม่ได้บอกว่าใครไม่สมควรมีแฟน แค่บางทีเราน่าจะทบทวนใน "ผลลัพธ์" อย่างหนึ่งว่า มันคุ้มค่าต่อเวลาของชีวิตเราไหม อย่างน้อย "พักก่อน" ดีไหม มุ่งหน้าหาเป้าหมายอื่นให้ชีวิตสักพักดู เพราะจะว่าไปอายุเท่าไหร่ก็ยังมีแฟนได้ ถ้าอยากจะมี แต่ถ้าดันทุรังต้องมีให้ได้ บางทีชีวิตอาจไม่ได้เจริญอะไรขึ้นสักด้านเลย เพราะเหมือนวนเวียนอยู่กับปัญหาเดียว...
.
และบางทีเราเอามัวแต่ "วิ่งหาสิ่งที่ไม่ใช่" จนสิ่งดี ๆ หรือ "สิ่งที่ใช่ วิ่งตามเราไม่ทัน" มันก็เป็นได้...
.
ปล. ลงท้ายเอาไปเป็นคำคมได้เลยเหมือนนะเนี่ย
เครดิตแหล่งข้อมูล : FB Sirichaiwatt
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น