6 สัญญาณ เตือนว่าคุณควรพบนักบำบัดชีวิตคู่
คุณไม่รู้สึกถึงความรักจากอีกฝ่ายมากนัก
คุณสื่อสารได้ไม่ดี
ตามหลักแล้ว คู่รักจะเริ่มมองหาการบำบัดเมื่อการคุยกันธรรมดากลายเป็นเรื่องท้าทาย กลายเป็นเรื่องลบ หรือกลายเป็นการสื่อสารฝ่ายเดียว บ่อยครั้งที่การสื่อสารเป็นรากเหง้าของความขัดแย้งระหว่างคู่รัก บ่อยครั้งที่อีกฝ่ายรู้สึกว่าไม่ได้รับการรับฟัง ซึ่งปัญหานี้มักเกิดขึ้นจากอีกฝ่ายพยายามหาทางแก้ปัญหาแทนที่จะรับฟังปัญหา
แก้เบื้องต้นเริ่มง่ายๆ ที่พยายามใช้คำว่า "ฉัน" มากกว่าคำว่า "คุณ" หลีกเลี่ยงใช้คำว่า "ไม่เคย" และ "เสมอ" การมีบทสนทนาที่ราบรื่นไม่ใช่เรื่องง่าย และบางทีการมีคนกลางช่วยแก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น การบำบัดช่วยให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกว่ามีคนรับฟังและมีคนเห็นใจ การบำบัดเป็นเครื่องมือในการสื่อสารและถามหาสิ่งที่ต้องการ
ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนอกใจทางกายหรือทางใจ
แม้ว่าการแช็ตกับใครสักคนทั้งวัน หรือการเกี้ยวพาราสีเล็กน้อยๆ กับคนที่เจอบ่อยๆ อาจดูเหมือนเป็นพฤติกรรมที่ไม่มีพิษมีภัย แต่สิ่งเหล่านี้กลายเป็นความสัมพันธ์และความใกล้ชิดทางอารมณ์ได้ง่ายมาก จนอาจกลายเป็นความใกล้ชิดทางกาย ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเรื่องนอกใจทางกายหรือทางอารมณ์นี้เป็นหนึ่งในอีกสาเหตุหลักที่คู่รักมารับการบำบัด ไม่ใช่แค่เรื่องถูกนอกใจที่สร้างบาดแผลให้กับความสัมพันธ์ แต่ความรู้สึกถูกหักหลัง ที่คนรักตัวเองใกล้ชิดกับคนอื่น หรือที่คนรักตัวเองหมกมุ่นกับชีวิตคนอื่น เป็นสัญญาณเตือนว่าความสัมพันธ์กำลังมีปัญหา
โต้เถียงกันไม่หยุดหย่อน
ทุกการสนทนากลายเป็นความขัดแย้งหรือไม่ หลายๆคู่รอจนการทะเลาะกันบานปลายก่อนพบนักบำบัด แต่จริงๆ แล้วไม่ควรรอนานขนาดนั้น แม้แต่คู่ที่มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่น อาจติดอยู่ในวังวนการโต้ถียงจนทำให้เหนื่อยใจและว้าวุ่น ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าให้ลองนึกถึงการถียงกันเหล่านี้ว่าเป็นอาการอย่างหนึ่ง อย่างเช่นการไอเรื้อรัง และลองหาความช่วยเหลือก่อนที่อาการจะบานปลายไปเป็นโรคอื่น
เมื่อถึงจุดนี้ การบำบัดเป็นความพยายามสุดท้ายที่จะกอบกู้สิ่งที่ยังเหลืออยู่ แน่นอนว่าการบำบัดช่วยให้การเลิกลาราบรื่นขึ้น แต่การบำบัดก็อาจช่วยยับยั้งไม่ให้ความสัมพันธ์ไปถึงจุดนั้นเช่นกัน