สัญญาณเตียงหัก ที่ไม่จำเป็นต้องยื้อ
สัญญาณเตียงหัก ที่ไม่จำเป็นต้องยื้อ เพราะอ้างว่าทำเพื่อลูก เพราะยิ่งยื้อยิ่งรั้ง ยิ่งทำให้ทุกฝ่ายเจ็บปวด สู้เลิกกันไปซะอาจจะดีต่อทุกฝ่ายมากกว่า
สัญญาณเตียงหัก ที่ไม่จำเป็นต้องยื้อ เพราะอ้างว่าทำเพื่อลูก
สัญญาณเตียงหัก ที่ไม่จำเป็นต้องยื้อ เพราะอ้างว่าทำเพื่อลูก ในหลายๆ แง่ หลายๆ มุม การจบความสัมพันธ์นั้น ขอเพียงมีสัญญาณบางอย่างก็เพียงพอที่จะบอกว่า ชีวิตคู่ในครั้งนี้มันไม่สามารถยื้อสามารถรั้งรอ ให้ไปต่อด้วยกันได้ แต่สำหรับคนที่มีลูกด้วยกันแล้ว บางครั้งมันก็ไม่ง่ายเลย
เพื่อลูก หรือเพื่อตัวเอง
หากจะต้องมีประเด็นที่บอกว่าความเป็นครอบครัวมันไม่เป็นครอบครัวอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่คนเป็นพ่อเป็นแม่คิด หลายๆ ครั้ง อาจจะมีปัจจัยที่ใหญ่กว่าตัวเอง ปัจจัยที่สำคัญมากๆ นั่นคือลูกตัวน้อยของเรา จนทำให้ความสัมพันธ์ในครั้งนี้ ต้องกล้ำกลืนฝืนทนด้วยคำว่า ทำเพื่อลูก แต่อยากให้ลองถอยหลังมาสักก้าว เพื่อดูว่าเหตุผลที่เรายังไม่ยอมจบความสัมพันธ์นั้น มันเพื่อลูก เพื่อตัวเอง หรือเพื่ออะไรกันแน่
และแน่นอนว่าสัญญาณต่อไปนี้ มันอาจจะเพียงพอแล้ว ที่จะบอกว่าชีวิตคู่ของคุณน่ะไม่ได้ไปต่อแน่นอนเลย
1.คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญไม่เป็นผล
การเข้ารับการปรึกษาและขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้ชีวิตคู่ คือสิ่งที่อาจจะไม่เป็นที่นิยมนักในสังคมไทยค่ะ แต่ก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คู่นิยมทำกัน เพราะในบางปัญหา มันอาจจะปรับเปลี่ยนและแก้ไข ชีวิตคู่ร้าวๆ ให้กลายเป็นชีวิตคู่ที่แก้ไขรอยร้าวได้ แต่ถ้าคู่ของคุณผ่านขั้นตอนนี้มาแล้ว แต่ยังไม่สามารถเยียวยาความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นได้ ก็อาจถึงเวลาที่ต้องแยกทางกัน ดีกว่ายื้อกันไปโดยที่ไม่มีอะไรดีขึ้น
2.ยิ่งทะเลาะกัน ยิ่งไม่มีทางออก
เป็นธรรมดาที่การใช้ชีวิตคู่ ย่อมต้องมีคามคิดเห็นที่แตกต่างกันบ้าง แต่เมื่อใดที่ทะเลาะกันแล้วไม่เคยมีทางออกที่ได้รับความพอใจทั้งสองฝ่าย ไม่ทุกการทะเลาะนั้นก่อให้เกิดความเศร้าหมอง ต่างฝ่ายต่างมีแต่ทำร้ายจิตใจกันทุกครั้งที่ไม่ลงรอย และแน่นอนว่าแม้จะไม่มีคนผิดในเรื่องนี้ แต่คุณทั้งคู่ก็ไม่มีใครยอมอ่อนให้กัน ไม่มีใครลดทิฐิลงพอที่จะเอ่ยคำว่าขอโทษก่อน หรือไม่เคยแม้แต่จะยอมง้อเพื่อให้ความสัมพันธ์ดีๆ กล้บคืนมาอีก ลองพิจารณาดีๆ ว่าคุณทั้งคู่ยังเป็นคนรักกันจริงๆ หรือเปล่า เพราะมันดูเหมือนว่าไม่เป็นอย่างนั้นเลยค่ะ
สัญญาณเตียงหัก ที่ไม่จำเป็นต้องยื้อ เพราะอ้างว่าทำเพื่อลูก
สัญญาณเตียงหัก ที่ไม่จำเป็นต้องยื้อ เพราะอ้างว่าทำเพื่อลูก ในหลายๆ แง่ หลายๆ มุม การจบความสัมพันธ์นั้น ขอเพียงมีสัญญาณบางอย่างก็เพียงพอที่จะบอกว่า ชีวิตคู่ในครั้งนี้มันไม่สามารถยื้อสามารถรั้งรอ ให้ไปต่อด้วยกันได้ แต่สำหรับคนที่มีลูกด้วยกันแล้ว บางครั้งมันก็ไม่ง่ายเลย
เพื่อลูก หรือเพื่อตัวเอง
หากจะต้องมีประเด็นที่บอกว่าความเป็นครอบครัวมันไม่เป็นครอบครัวอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่คนเป็นพ่อเป็นแม่คิด หลายๆ ครั้ง อาจจะมีปัจจัยที่ใหญ่กว่าตัวเอง ปัจจัยที่สำคัญมากๆ นั่นคือลูกตัวน้อยของเรา จนทำให้ความสัมพันธ์ในครั้งนี้ ต้องกล้ำกลืนฝืนทนด้วยคำว่า ทำเพื่อลูก แต่อยากให้ลองถอยหลังมาสักก้าว เพื่อดูว่าเหตุผลที่เรายังไม่ยอมจบความสัมพันธ์นั้น มันเพื่อลูก เพื่อตัวเอง หรือเพื่ออะไรกันแน่
และแน่นอนว่าสัญญาณต่อไปนี้ มันอาจจะเพียงพอแล้ว ที่จะบอกว่าชีวิตคู่ของคุณน่ะไม่ได้ไปต่อแน่นอนเลย
1.คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญไม่เป็นผล
การเข้ารับการปรึกษาและขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้ชีวิตคู่ คือสิ่งที่อาจจะไม่เป็นที่นิยมนักในสังคมไทยค่ะ แต่ก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คู่นิยมทำกัน เพราะในบางปัญหา มันอาจจะปรับเปลี่ยนและแก้ไข ชีวิตคู่ร้าวๆ ให้กลายเป็นชีวิตคู่ที่แก้ไขรอยร้าวได้ แต่ถ้าคู่ของคุณผ่านขั้นตอนนี้มาแล้ว แต่ยังไม่สามารถเยียวยาความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นได้ ก็อาจถึงเวลาที่ต้องแยกทางกัน ดีกว่ายื้อกันไปโดยที่ไม่มีอะไรดีขึ้น
2.ยิ่งทะเลาะกัน ยิ่งไม่มีทางออก
เป็นธรรมดาที่การใช้ชีวิตคู่ ย่อมต้องมีคามคิดเห็นที่แตกต่างกันบ้าง แต่เมื่อใดที่ทะเลาะกันแล้วไม่เคยมีทางออกที่ได้รับความพอใจทั้งสองฝ่าย ไม่ทุกการทะเลาะนั้นก่อให้เกิดความเศร้าหมอง ต่างฝ่ายต่างมีแต่ทำร้ายจิตใจกันทุกครั้งที่ไม่ลงรอย และแน่นอนว่าแม้จะไม่มีคนผิดในเรื่องนี้ แต่คุณทั้งคู่ก็ไม่มีใครยอมอ่อนให้กัน ไม่มีใครลดทิฐิลงพอที่จะเอ่ยคำว่าขอโทษก่อน หรือไม่เคยแม้แต่จะยอมง้อเพื่อให้ความสัมพันธ์ดีๆ กล้บคืนมาอีก ลองพิจารณาดีๆ ว่าคุณทั้งคู่ยังเป็นคนรักกันจริงๆ หรือเปล่า เพราะมันดูเหมือนว่าไม่เป็นอย่างนั้นเลยค่ะ
3.ไม่มีเซ็กซ์
ใช่ค่ะ ชีวิตคู่ที่ไม่มีเซ็กซ์ มันจะใช่ชีวิตคู่แน่เหรอ สาวไทยบางคนอาจยอมรับได้ แต่เชื่อเถอะว่าในสายตาและความคิดของหนุ่มๆ ชีวิตคู่แบบนั้น ไม่ได้ต่างกับการอยู่ร่วมกันของคนแปลกหน้าเลย และแน่นอนว่ามันเป็นสัญญาณเตียงหักแน่ๆ ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่มีความรู้สึกหรือความปรารถนาทางกายต่อกัน จนทำให้เปลี่ยนสถานะจากคนรักมาเป็นเพียงเพื่อนร่วมห้องนอนเท่านั้น เพราะเอาเข้าจริง การแสดงออกทางภาษากายนั้นสำคัญพอๆ กับการบอกรักกันน่ะแหละ แต่ไม่เมินเฉยต่อเรื่องเซ็กซ์ มันก็คือการตะโกนบอกที่ชัดเจนเหลือเกินว่า เราไม่ได้รักกันอีกต่อไปแล้ว
4.มือที่สาม
ในบางบททดสอบ ปัญหามือที่สามมีเพื่อให้อีกฝ่ายรู้คุณค่าของความรักที่มีอยู่แล้ว เป็นอีกหนึ่งปัญหาคลาสสิกที่ชีวิตคู่ต้องผ่านไปให้ได้ค่ะ แต่ถ้ามันแน่นอนแล้วว่าอีกฝ่ายอ่อนแอจนทำให้ปัญหามือที่สามเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตคู่คุณเกินไป นั่นก็หมายความว่าชีวิตคู่ของคุณแพ้แล้วนั่นแหละ เพราะนอกจากนี้ปัญหามือที่สาม สี่ ห้า ยังเป็นปัญหาเสี่ยงต่อโรคทางเพศสัมพันธ์อีกด้วยนั่นแหละค่ะ
5.ทำร้ายร่างกายและความรู้สึก
ไม่มีใครที่ชอบที่จะโดนทำร้ายร่างกายและจิตใจจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีหรือภรรยา ยกเว้นว่าคู่คุณจะเป็นคู่ S&M นั่นอาจจะหมายความเป็นอีกเรื่องค่ะ แต่การทำร้ายกัน มันไม่ใช่เป็นสิ่งที่สมควรทำระหว่างคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักกัน โดยเฉพาะถ้าคุณมีลูกน้อย ที่ต้องมาทนเห็นภาพการทำร้ายกันของพ่อและแม่ คุณอาจจะเข้าใจผิดหรือคิดไปเองว่า การยอมให้อีกฝ่ายทำร้ายคือการแสดงความรักต่อไป แต่ความจริงคือมันไม่ใช่เลยค่ะ การทำร้ายนี้จะไม่มีวันเบาบางลง กลับกัน มันจะยิ่งหนักข้อขึ้นทุกวันๆ และอย่ารอให้คุณต้องเข้าห้อง ICU ก่อน จึงจะคิดได้นะคะ
ที่มา ต้นคิด
ใช่ค่ะ ชีวิตคู่ที่ไม่มีเซ็กซ์ มันจะใช่ชีวิตคู่แน่เหรอ สาวไทยบางคนอาจยอมรับได้ แต่เชื่อเถอะว่าในสายตาและความคิดของหนุ่มๆ ชีวิตคู่แบบนั้น ไม่ได้ต่างกับการอยู่ร่วมกันของคนแปลกหน้าเลย และแน่นอนว่ามันเป็นสัญญาณเตียงหักแน่ๆ ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่มีความรู้สึกหรือความปรารถนาทางกายต่อกัน จนทำให้เปลี่ยนสถานะจากคนรักมาเป็นเพียงเพื่อนร่วมห้องนอนเท่านั้น เพราะเอาเข้าจริง การแสดงออกทางภาษากายนั้นสำคัญพอๆ กับการบอกรักกันน่ะแหละ แต่ไม่เมินเฉยต่อเรื่องเซ็กซ์ มันก็คือการตะโกนบอกที่ชัดเจนเหลือเกินว่า เราไม่ได้รักกันอีกต่อไปแล้ว
4.มือที่สาม
ในบางบททดสอบ ปัญหามือที่สามมีเพื่อให้อีกฝ่ายรู้คุณค่าของความรักที่มีอยู่แล้ว เป็นอีกหนึ่งปัญหาคลาสสิกที่ชีวิตคู่ต้องผ่านไปให้ได้ค่ะ แต่ถ้ามันแน่นอนแล้วว่าอีกฝ่ายอ่อนแอจนทำให้ปัญหามือที่สามเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตคู่คุณเกินไป นั่นก็หมายความว่าชีวิตคู่ของคุณแพ้แล้วนั่นแหละ เพราะนอกจากนี้ปัญหามือที่สาม สี่ ห้า ยังเป็นปัญหาเสี่ยงต่อโรคทางเพศสัมพันธ์อีกด้วยนั่นแหละค่ะ
5.ทำร้ายร่างกายและความรู้สึก
ไม่มีใครที่ชอบที่จะโดนทำร้ายร่างกายและจิตใจจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีหรือภรรยา ยกเว้นว่าคู่คุณจะเป็นคู่ S&M นั่นอาจจะหมายความเป็นอีกเรื่องค่ะ แต่การทำร้ายกัน มันไม่ใช่เป็นสิ่งที่สมควรทำระหว่างคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักกัน โดยเฉพาะถ้าคุณมีลูกน้อย ที่ต้องมาทนเห็นภาพการทำร้ายกันของพ่อและแม่ คุณอาจจะเข้าใจผิดหรือคิดไปเองว่า การยอมให้อีกฝ่ายทำร้ายคือการแสดงความรักต่อไป แต่ความจริงคือมันไม่ใช่เลยค่ะ การทำร้ายนี้จะไม่มีวันเบาบางลง กลับกัน มันจะยิ่งหนักข้อขึ้นทุกวันๆ และอย่ารอให้คุณต้องเข้าห้อง ICU ก่อน จึงจะคิดได้นะคะ
ที่มา ต้นคิด
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น