สี่สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการหย่า


สี่สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการหย่า

หลังจากประเมินความเสียหาย เจ้าของบ้านมีทางเลือกว่าจะรื้อบ้านหรือจะบูรณะขึ้นใหม่.

ชีวิตสมรสของคุณมาถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจคล้ายๆ กันไหม? คู่สมรสของคุณอาจทรยศต่อความไว้วางใจของคุณ หรือความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเนืองๆ ทำให้ความยินดีในชีวิตสมรสเหือดหายไป. ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณอาจพูดกับตัวเองว่า ‘เราไม่รักกันแล้ว' หรือ ‘เราไม่เหมาะสมกัน' หรือ ‘ตอนที่เราแต่งงาน เราไม่ประสีประสา.' คุณอาจถึงกับคิดว่า ‘อาจจะดีถ้าเราหย่ากัน.'

ก่อนคุณจะด่วนตัดสินใจยุติชีวิตสมรส จงคิดให้ดี. การหย่าไม่ใช่ว่าจะขจัดความกังวลใจเสมอไป. ตรงกันข้าม บ่อยครั้งมันแค่เปลี่ยนปัญหาหนึ่งเป็นอีกปัญหาหนึ่ง. ดร. แบรด แซคส์ เขียนในหนังสือชื่อวัยรุ่นที่ดีพอ (ภาษาอังกฤษ) ว่า "คู่สมรสที่แยกทางกันต่างก็นึกฝันว่าการหย่านั้นจะสมบูรณ์แบบ จะขจัดความขัดแย้งที่รุนแรงและก่อความทุกข์ออกไปทันทีและอย่างถาวร แล้วความสงบรื่นรมย์และความผาสุกจะเข้ามาแทนที่. แต่ไม่มีทางที่สภาพเช่นนั้นจะเกิดขึ้นได้ เฉกเช่นการสมรสที่สมบูรณ์แบบก็ไม่มีทางเกิดขึ้น." ฉะนั้น นับว่าสำคัญที่จะรู้ข้อมูลทั้งหมดและพิจารณาเรื่องการหย่าร้างตามความเป็นจริง. 

1 ปัญหาด้านการเงิน

ดาเนียลลาในอิตาลีได้แต่งงานมา 12 ปีแล้วเมื่อเธอได้มารู้ว่าสามีมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง. ดาเนียลลากล่าวว่า "กว่าดิฉันจะรู้เรื่อง ผู้หญิงก็ตั้งท้องได้หกเดือนแล้ว."

หลังจากแยกกันอยู่ระยะหนึ่ง ดาเนียลลาก็ตัดสินใจจะขอหย่า. เธอพูดว่า "ดิฉันพยายามประคับประคองสายสมรส แต่สามีก็ยังคงประพฤตินอกใจอยู่เรื่อยๆ." ดาเนียลลาคิดว่าเธอตัดสินใจถูกแล้ว. กระนั้น เธอเล่าว่า "ทันทีที่เราแยกกัน สถานะทางการเงินของดิฉันก็ย่ำแย่. บางครั้ง ดิฉันไม่มีแม้แต่อาหารมื้อเย็น. ดิฉันได้ดื่มนมแค่แก้วเดียว."

แม่กำลังคิดเรื่องสภาพการเงิน
มาเรียในสเปนก็ประสบปัญหาเดียวกัน. เธอกล่าวว่า "อดีตสามีของดิฉันไม่ได้ให้การช่วยเหลือด้านการเงินเลย และดิฉันต้องทำงานหนักเพื่อใช้หนี้ที่เขาสร้างไว้. นอกจากนั้น ดิฉันจำต้องย้ายออกจากบ้านที่เคยอยู่อย่างสะดวกสบาย แล้วไปอยู่อพาร์ตเมนต์เล็กๆ ในละแวกที่ไม่ปลอดภัย."

ดังที่ประสบการณ์เหล่านี้เผยให้เห็น สายสมรสที่แตกหักมักจะก่อปัญหาอันหนักหน่วงด้านการเงินแก่ฝ่ายหญิง. ที่จริง การศึกษาที่ใช้เวลาเจ็ดปีในยุโรปเผยว่าขณะที่รายได้ของฝ่ายชายเพิ่มขึ้น 11 เปอร์เซ็นต์หลังการหย่า รายได้ของฝ่ายหญิงกลับลดลง 17 เปอร์เซ็นต์. มีเค ยานเซน หัวหน้าโครงการศึกษานี้กล่าวว่า "เป็นเรื่องยากสำหรับผู้หญิง เพราะพวกเขาต้องดูแลลูก ต้องหางานทำ อีกทั้งยังต้องจัดการกับอารมณ์ที่ว้าวุ่นหลังการหย่าร้าง." ตามที่รายงานในหนังสือพิมพ์เดลี เทเลกราฟแห่งกรุงลอนดอน ทนายความบางคนกล่าวว่า ปัจจัยดังกล่าว "บังคับให้ผู้คนคิดให้รอบคอบในเรื่องการแยกทางกัน."

สิ่งที่อาจเกิดขึ้น: ถ้าคุณหย่า รายได้ของคุณอาจลดลง. คุณอาจต้องย้ายที่อยู่ด้วย. ถ้าคุณได้สิทธิ์เลี้ยงดูลูก ก็อาจเป็นเรื่องยากที่จะหาเลี้ยงตัวเองและเอาใจใส่ความจำเป็นของลูกๆ อย่างเพียงพอ.-1 ติโมเธียว 5:8

 



"สิทธิที่เด็กทุกคนพึงมีตั้งแต่เกิด"

"เมื่อดิฉันอายุห้าขวบ พ่อมีความสัมพันธ์กับเลขานุการของท่าน และพ่อกับแม่ก็หย่ากัน. ในเรื่องการเลี้ยงดูดิฉัน พ่อกับแม่ทำทุกสิ่งที่ ‘ถูกต้อง' ตามแนวคิดของคนสมัยนั้น. พ่อแม่รับรองกับดิฉันว่าถึงท่านจะไม่รักกันแล้ว แต่ท่านก็รักดิฉันเสมอ และหลังจากพ่อย้ายไปอยู่คนเดียวในอพาร์ตเมนต์อีกฟากหนึ่งของเมือง ท่านทั้งสองก็ยังคอยดูแลให้ดิฉันมีสิ่งจำเป็นในชีวิต.

"สองปีต่อมา แม่แต่งงานใหม่ และเราย้ายไปต่างประเทศ. หลังจากนั้น ทุกสองหรือสามปีดิฉันถึงจะได้พบหน้าพ่อ. ในช่วงเก้าปีที่ผ่านมา ดิฉันได้พบพ่อเพียงครั้งเดียว. ส่วนใหญ่พ่อไม่มีโอกาสได้เห็นดิฉันตอนกำลังโต และพ่อไม่รู้จักลูกสามคนของดิฉัน-หลานของท่าน-นอกจากสิ่งที่ดิฉันเขียนบอกท่านในจดหมายและในรูปถ่าย. ลูกๆ ของดิฉันพลาดโอกาสที่จะรู้จักคุณตา.

"เนื่องจากเป็นเด็กที่พ่อแม่หย่ากัน ดิฉันไม่มีแผลเป็นที่มองเห็นได้. แต่ข้างในลึกๆ ดิฉันต้องสู้กับความโกรธแค้น, ความซึมเศร้า, และความไม่มั่นคงโดยที่ไม่รู้สาเหตุ. ดิฉันไม่ไว้ใจผู้ชายเลย. จนกระทั่งดิฉันอายุ 30 กว่าๆ แล้ว จึงมีเพื่อนที่มีความคิดอ่านเป็นผู้ใหญ่ได้ช่วยดิฉันให้เข้าใจต้นตอของพฤติกรรมที่เป็นปฏิปักษ์ในตัวดิฉัน และดิฉันจึงเริ่มพยายามปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป.

"การหย่าของพ่อกับแม่เป็นเหตุให้ดิฉันไม่ได้รับสิทธิที่เด็กทุกคนพึงมีตั้งแต่เกิด นั่นคือความรู้สึกที่มั่นคงและได้รับการคุ้มครอง. โลกนี้ไร้ความรักและน่ากลัว แต่ดิฉันคิดว่าหน่วยครอบครัวเป็นกำแพงป้องกัน เป็นที่ที่เด็กสามารถได้รับการเลี้ยงดูเอาใจใส่และการปลอบโยน. ถ้าทำลายหน่วยครอบครัว กำแพงป้องกันนั้นก็พังทลายเช่นกัน."-ไดแอน

  2 ประเด็นเรื่องการเลี้ยงดูลูก
ผู้หญิงคนหนึ่งในบริเตนชื่อเจนกล่าวว่า "การนอกใจของสามีทำให้ดิฉันตกใจมาก. นอกจากนั้น ดิฉันเป็นทุกข์มากเมื่อรู้ว่าจริงๆ แล้วเขาจงใจทิ้งเราไป." เจนตัดสินใจหย่าสามี. เธอก็ยังคงเชื่ออยู่ว่าเธอตัดสินใจถูกต้อง แต่เธอยอมรับว่า "ปัญหาเรื่องหนึ่งที่ดิฉันเผชิญคือการต้องเป็นทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกัน. ดิฉันต้องตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเอง."

สภาพการณ์นี้คล้ายๆ กับของกราเซียลา มารดาในสเปนที่หย่าสามีแล้ว. เธอพูดว่า "ดิฉันได้รับสิทธิ์ปกครองดูแลลูกชายวัย 16 ปีเพียงลำพัง. แต่วัยรุ่นเป็นวัยที่มีปัญหามาก และตอนนั้นดิฉันไม่พร้อมจะเลี้ยงดูลูกชายด้วยตัวเอง. ดิฉันร้องไห้อยู่นานหลายวันหลายคืน. ดิฉันรู้สึกว่าเป็นแม่ที่ใช้ไม่ได้เลย."

คนที่ได้สิทธิ์ปกครองดูแลลูกร่วมกันอาจเผชิญปัญหาอีกอย่างหนึ่ง คือการเจรจาตกลงกับอดีตคู่ครองในเรื่องละเอียดอ่อน เช่น การเยี่ยมลูก, การสนับสนุนทางการเงิน, และการอบรมตีสอน. คริสติน มารดาที่หย่าแล้วในสหรัฐกล่าวว่า "การร่วมมือกับอดีตคู่ครองของตนไม่ใช่เรื่องง่าย. เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอารมณ์ความรู้สึกหลายอย่าง และถ้าคุณไม่ระวัง คุณอาจใช้ลูกเป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้สิ่งที่คุณต้องการ."

สิ่งที่อาจเกิดขึ้น: คำตัดสินของศาลเรื่องการปกครองดูแลลูกอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คุณชอบ. ถ้าคุณต้องปกครองดูแลลูกร่วมกัน อดีตคู่ครองของคุณอาจไม่ใช้เหตุผลอย่างที่คุณอยากให้เขาทำในเรื่องต่างๆ ที่พิจารณาไปแล้ว เช่น การเยี่ยมลูก, การสนับสนุนทางการเงิน, และอื่นๆ.

 3 ผลกระทบจากการหย่าร้างที่มีต่อตัวคุณ
ภรรยาของมาร์กในบริเตนได้นอกใจเขามากกว่าหนึ่งครั้ง. เขากล่าวว่า "เมื่อมันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง ผมก็รับไม่ได้ที่ว่ามันอาจจะเกิดขึ้นอีก." มาร์กหย่าภรรยาของเขา แต่เขาพบว่าเขายังมีเยื่อใยกับเธออยู่. เขาบอกว่า "เมื่อมีคนมาเล่า เรื่องไม่ดีเกี่ยวกับเธอ พวกเขาคิดว่าจะช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้น แต่ไม่เป็นอย่างนั้นเลย. ความรักนั้นยั่งยืนนาน."

เดวิดซึ่งกล่าวถึงก่อนหน้านี้รู้สึกเจ็บปวดคล้ายๆ กันเมื่อได้รู้ว่าภรรยาไปมีความสัมพันธ์กับชายอื่น. เขาบอกว่า "ผมไม่อยากจะเชื่อเรื่องนั้น. ผมปรารถนาอย่างยิ่งที่จะอยู่กับเธอและลูกทุกๆ วันตลอดไป." เดวิดเลือกจะหย่า แต่การแยกทางกันทำให้เขาไม่แน่ใจเรื่องอนาคต. เขากล่าวว่า "ผมสงสัยว่าจะมีคนรักผมจริงๆ หรือไม่ หรือเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ถ้าผมแต่งงานใหม่. ความเชื่อมั่นของผมเริ่มจะคลอนแคลนเสียแล้ว."

ถ้าคุณหย่าแล้ว ก็คาดหมายได้ว่าอารมณ์ความรู้สึกหลากหลายจะรุมเร้าคุณ. ด้านหนึ่ง คุณอาจยังคงรักคนที่คุณเคยผูกพันเป็นเนื้อหนังเดียวกัน. (เยเนซิศ 2:24) อีกด้านหนึ่ง คุณอาจยังไม่หายโกรธกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น. กราเซียลา ซึ่งกล่าวถึงก่อนหน้านี้พูดว่า "แม้เวลาจะผ่านไปหลายปี คุณก็ยังรู้สึกสับสน, อับอาย, และสิ้นหวัง. คุณจะหวนคิดถึงช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข และสงสัยว่า ‘เขาเคยบอกฉันว่าชีวิตเขาขาดฉันไม่ได้. เขาโกหกฉันมาตลอดเลยหรือ? ทำไมจึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้?'"

สิ่งที่อาจเกิดขึ้น: คุณอาจยังคงโกรธและขุ่นเคืองกับการที่คู่สมรสทำให้คุณเจ็บช้ำใจ. บางครั้ง ความเหงาอาจรุนแรงจนแทบจะทนไม่ได้.-สุภาษิต 14:29; 18:1

 4 ผลกระทบจากการหย่าร้างที่มีต่อลูก
โฮเซ บิดาที่หย่าแล้วในสเปนพูดว่า "มันทำให้ปวดร้าวใจมาก. ช่วงที่เลวร้ายที่สุดคือตอนที่ผมรู้ว่าชายชู้คนนั้นคือน้องเขยของผมเอง. ผมอยากตายให้พ้นๆ ไปเลย." โฮเซพบว่าลูกชายสองคนของเขา อายุสองขวบและสี่ขวบ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกันจากพฤติกรรมของแม่ของเขา. เขาเล่าว่า "พวกลูกๆ ไม่อาจยอมรับได้ว่าเกิดอะไรขึ้น. พวกเขาไม่เข้าใจว่า ทำไมแม่จึงไปอยู่กับอาเขย แล้วทำไมผมจึงพาพวกเขาไปอยู่กับอาสาวกับคุณย่า. ถ้าผมต้องไปข้างนอก เขาจะถามว่า ‘พ่อจะกลับบ้านเมื่อไรครับ?' หรือบอกว่า ‘พ่อ อย่าทิ้งพวกเราไปนะครับ!'"


สี่สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการหย่า

เด็กมักถูกลืมไปว่าเขาได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการหย่าเช่นกัน. แต่จะว่าอย่างไรถ้าพ่อกับแม่เข้ากันไม่ได้? ในกรณีนี้ การหย่าจะ "ดีกว่าสำหรับลูก" ไหม? ไม่กี่ปีมานี้ มีหลายคนไม่เห็นด้วยกับความคิดดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปัญหาในชีวิตสมรสไม่ถึงขั้นรุนแรง. หนังสือชื่อผลพวงที่คาดไม่ถึงเนื่องจากการหย่าร้าง (ภาษาอังกฤษ) กล่าวว่า "ผู้ใหญ่หลายคนซึ่งมีชีวิตสมรสที่ขาดความสุขคงจะแปลกใจที่รู้ว่าลูกๆ พอจะมีความสุขอยู่บ้าง. พวกเขาไม่ใส่ใจว่าแม่กับพ่อแยกเตียงกันนอน ตราบใดที่ครอบครัวยังอยู่ร่วมกัน."

จริงอยู่ บ่อยครั้งเด็กๆ จะรู้ว่าพ่อแม่ขัดแย้งกัน และความตึงเครียดในชีวิตสมรสอาจส่งผลกระทบต่อจิตใจและหัวใจของเด็ก. แต่การคิดเอาเองว่าถึงอย่างไรการหย่าก็เป็นประโยชน์ต่อเด็กๆ นั้นอาจเป็นความคิดที่ผิด. ลินดา เจ. เวตและแมกกี กัลลาเกอร์ เขียนในหนังสือชื่อข้อสนับสนุนการสมรส (ภาษาอังกฤษ) ว่า "โครงสร้างในชีวิตสมรสดูเหมือนจะช่วยพ่อแม่ให้คงไว้ซึ่งการตีสอนอย่างเสมอต้นเสมอปลายและพอเหมาะพอควร ซึ่งเด็กๆ จะตอบรับ แม้ว่าการสมรสจะไม่ดีอย่างที่ต้องการให้เป็น."

สิ่งที่อาจเกิดขึ้น: การหย่าอาจมีผลเสียหายอย่างรุนแรงต่อลูก โดยเฉพาะถ้าคุณไม่สนับสนุนลูกให้มีความสัมพันธ์อันดีกับอดีตคู่สมรสของคุณ.-ดูกรอบ "ไม่รู้จะวางตัวเช่นไร."

บทความนี้ได้พิจารณาปัจจัยสี่ประการที่คุณควรใคร่ครวญถ้าคุณคิดจะหย่า. ดังที่กล่าวไปแล้ว ถ้าคู่สมรสของคุณประพฤตินอกใจ คุณก็ต้องตัดสินใจเองว่าจะทำอย่างไร. ไม่ว่าคุณเลือกอย่างไร คุณต้องคำนึงถึงผลได้ผลเสีย. จงรู้ว่ามีอะไรบ้างที่คุณต้องเผชิญ และเตรียมพร้อมจะรับมือ.

หลังจากพิจารณาเรื่องนี้ คุณอาจรู้สึกว่าทางเลือกที่ดีกว่าก็คือพยายามปรับปรุงชีวิตสมรสของคุณให้ดีขึ้น. แต่นั่นเป็นไปได้ไหม?

"ไม่รู้จะวางตัวเช่นไร"


"ตอนที่พ่อแม่หย่ากัน ดิฉันอายุ 12 ขวบ. ในแง่หนึ่งดิฉันรู้สึกโล่งใจ. บรรยากาศรอบบ้านก็สงบลงมาก ดิฉันไม่ต้องได้ยินเสียงทะเลาะกันอีกต่อไป. กระนั้น ดิฉันมีความรู้สึกหลายอย่างปนเปกันไป.

"หลังการหย่าร้าง ดิฉันต้องการเข้ากันได้กับทั้งพ่อและแม่ และดิฉันพยายามเป็นกลางให้มากเท่าที่จะทำได้. แต่ไม่ว่าจะทำอะไร ดิฉันก็ไม่รู้จะวางตัวเช่นไร. ตามที่ดิฉันฟังจากพ่อ พ่อคิดว่าแม่จะยุให้ดิฉันเกลียดพ่อ. ดิฉันจึงต้องพูดให้พ่อมั่นใจเสมอว่าแม่ไม่ได้พยายามโน้มน้าวเช่นนั้น. แม่เองก็รู้สึกไม่มั่นใจด้วย. ตามที่แม่บอก แม่เกรงว่าดิฉันจะหลงเชื่อพ่อที่พูดถึงแม่ในทางที่ไม่ดี. จนในที่สุด ดิฉันไม่อยากจะเล่าเรื่องใดๆ ที่ดิฉันประสบให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟังอีกต่อไป เพราะไม่ต้องการเห็นทั้งสองคนรู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจ. ดังนั้น ตั้งแต่อายุ 12 ขวบเรื่อยมา ดิฉันเก็บความรู้สึกเรื่องการหย่าของพ่อแม่ไว้ในใจ."-แซนดรา

Cr::jw.org


สี่สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการหย่า

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์