เมื่อ ความรัก จบลงพร้อมความเจ็บปวด


เมื่อ ความรัก จบลงพร้อมความเจ็บปวด


  เมื่อเรามีความรัก เรามักต้องการความรักที่นิรันดร์ หรือความรักที่จบลงด้วยการที่สองคนมีความสุขด้วยกันไปตลอดกาล (Happily Ever After) แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความรักส่วนใหญ่มักจะจบลงพร้อมความเจ็บปวด ทิ้งบาดแผลทางใจไว้แทน และยิ่งถ้าความสัมพันธ์นั้นเป็นความรักที่เราไม่อยากให้มันจบลง ความเจ็บปวดของการถูกทิ้งมันก็เป็นเรื่องยากที่จะก้าวข้ามมากยิ่งขึ้น

     อกหัก หรือ Heartbreak เป็นคำที่อธิบายอาการของคนที่ต้องเผชิญกับการเลิกราได้เป็นอย่างดี เพราะไม่เพียงเราจะจมอยู่กับอารมณ์เศร้า แต่เรายังรู้สึกถึงความเจ็บปวดทางร่างกายอีกด้วย โดยเฉพาะตรงหน้าอกบริเวณตำแหน่งของหัวใจ ที่ทางวิทยาศาสตร์เรียกว่าอาการของโรคหัวใจสลาย (Broken Heart Syndrome) ซึ่งเกิดจากภาวะความเครียดเฉียบพลัน และความรู้สึกเศร้าในระดับสูง

     เรียกได้ว่าอกหักเป็นอาการทุกข์ทรมานที่เราอยากจะให้มันจบลงอย่างเร็วที่สุด หรือที่หลายๆ คนพูดว่า เราต้องมูฟออนให้ได้... แต่เราจะมูฟออนได้อย่างไร?

  เมื่อเรามีความรัก เรามักต้องการความรักที่นิรันดร์ หรือความรักที่จบลงด้วยการที่สองคนมีความสุขด้วยกันไปตลอดกาล (Happily Ever After) แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความรักส่วนใหญ่มักจะจบลงพร้อมความเจ็บปวด ทิ้งบาดแผลทางใจไว้แทน และยิ่งถ้าความสัมพันธ์นั้นเป็นความรักที่เราไม่อยากให้มันจบลง ความเจ็บปวดของการถูกทิ้งมันก็เป็นเรื่องยากที่จะก้าวข้ามมากยิ่งขึ้น

ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือระบบสมองของการมีความรักทำงานคล้ายกับการที่เราใช้นิโคติน หรือสารเสพติด สมองจะหลั่งสารโดพามีนออกมาทำให้เรารู้สึกดี และเมื่อใช้ไปเรื่อยๆ เราก็ยิ่งต้องการที่จะรู้สึกดียิ่งขึ้นกว่าเดิม จะเรียกว่าการตกหลุมรักเป็น ‘การติด' (Addiction) ก็ว่าได้

     ดังนั้นการถอนตัวเองออกมาจาก ‘การติด' ความรู้สึกดีๆ ที่ได้จากความรักจึงเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ของการเลิกรากัน ที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นช่วงจมดิ่ง เป็นช่วงที่แย่ที่สุด เพราะเราสูญเสียสิ่งดีๆ ไปโดยที่เราอาจจะยังไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้เราขาดการควบคุมอารมณ์และการกระทำ เช่น การเอาแต่นั่งร้องไห้ หรือการโทรศัพท์หาอีกฝั่งเพราะอารมณ์ชั่ววูบเพื่อขอร้องอ้อนวอนให้เขากลับมา

     และถึงแม้เวลาจะผ่านไปสักพัก ความรู้สึกดีๆ ต่ออีกคนก็ยังคงอยู่ ความเจ็บปวดที่เกิดจากการจากลาก็อาจจะยังคงอยู่ได้เช่นกัน หรือความเจ็บปวดอาจจะกลายเป็นความรู้สึกลบในรูปแบบอื่น ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง รู้สึกไม่เห็นค่าในตัวเอง ความรู้สึกลบๆ เหล่านี้มักเกิดขึ้นและจะอยู่กับเราไปสักพัก เพราะอารมณ์ลบที่เกิดขึ้นมักบดบังวิธีคิดอย่างมีเหตุผล

 

     ในเวลาเดียวกัน ความเจ็บปวดทางอารมณ์ยังสามารถสร้างบาดแผลทางใจได้อย่างง่ายดาย หรืออาจทำให้บาดแผลเก่าในอดีต ไม่ว่าจะจากช่วงวัยเด็ก หรือจากความสัมพันธ์ก่อนหน้ากลับมาเปิดกว้างขึ้นอีกครั้ง

     ผู้เขียนชอบคำพูดของโรส ฟิตซ์เจอรัลด์ เคนเนดี (Rose Fitzgerald Kennedy) ที่กล่าวไว้ว่า "เขาพูดกันว่า ‘เวลาจะรักษาบาดแผลทางใจเอง' ซึ่งฉันไม่เห็นด้วย บาดแผลยังคงอยู่ แต่ในที่สุด จิตใจของเราจะสร้างเนื้อเยื่อ (Scar Tissue) มาปกคลุมบาดแผลทางใจเพื่อปกป้องสติของเรา แล้วความเจ็บปวดก็จะเริ่มลดลง แต่บาดแผลจะไม่มีทางหายไป"

     ส่วนตัวเห็นว่าการมูฟออน หรือการก้าวผ่านความผิดหวังจากความรัก คือการอยู่กับร่องรอยของบาดแผลทางใจให้ได้ ทำอย่างไรที่เมื่อเราสัมผัสรอยแผลนี้แล้ว เราจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งกระบวนการในการรักษาบาดแผลและถอนตัวเองจากการ ‘ติด' ของแต่ละคนก็อาจจะแตกต่างกันออกไป

การหลีกเลี่ยงความเศร้า พยายามลืมความเจ็บปวดอาจเป็นเพียงการใช้ผ้าปิดแผล แต่สุดท้ายเราจำเป็นที่จะต้องปล่อยให้จิตใจของเราสร้างเนื้อเยื่อมาหุ้มบาดแผลของเราเอง

แต่ส่วนใหญ่แล้วในช่วงอกหักกระบวนการสร้างภาพตามอุดมคติ (Idealization) อาจจะเกิดขึ้นโดยการที่เรามองว่าคนรักเก่าของเราเป็นไปตามอุดมคติที่ตั้งไว้ เขาเป็นคนที่ดีที่สุดแล้ว ความสัมพันธ์ที่ผ่านมามันดีมาก ทำให้เกิดความกลัวที่ว่า เราอาจจะไม่เจอกับสิ่งที่ดีแบบนี้ได้อีกครั้ง ทำให้เรายิ่งยึดติดกับความรักที่เราพยายามจะถอดถอน

 


     ฉะนั้น สิ่งสำคัญคือการเข้าใจทั้งข้อดีและข้อเสียของความสัมพันธ์เดิม เหตุผลที่ทำให้คนสองคนไปต่อไม่ได้ แทนที่จะจมอยู่แต่กับเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นจนทำให้ความทรงจำมีแต่เรื่องที่สวยงามเกินความเป็นจริง

     อีกทั้งพยายามอย่าแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียวโดยการโทษตัวเอง หรือแม้แต่ตั้งคำถามว่าทำไมเราถึงดีไม่พอ ทำไมเราถึงรักษาความสัมพันธ์ดีๆ เอาไว้ไม่ได้ และในเวลาเดียวกัน การโยนทุกอย่างให้อีกคนก็ไม่ได้ช่วยให้เรามูฟออนได้เร็วขึ้น

     สุดท้ายถึงแม้เวลาจะไม่ทำให้บาดแผลหายไปได้ด้วยตัวของมันเอง แต่เราควรให้เวลาในการรักษาบาดแผลที่เกิดขึ้น ปล่อยให้ตัวเองเสียใจ ถ้าเรายังรู้สึกเสียใจอยู่ ความโศกเศร้าเป็นการตอบสนองตามธรรมชาติเมื่อเราสูญเสียสิ่งสำคัญในชีวิต การหลีกเลี่ยงความเศร้า พยายามลืมความเจ็บปวดอาจเป็นเพียงการใช้ผ้าปิดแผล แต่สุดท้ายเราจำเป็นที่จะต้องปล่อยให้จิตใจของเราสร้างเนื้อเยื่อมาหุ้มบาดแผลของเราเอง

เครดิตแหล่งข้อมูล : gqthailand


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์